หนุ่มหัวร้อนรับทราบข้อหา เหล็กฟาดหัวร้อยตรี64 ฉุนขับช้าไม่ทันใจ ยันไม่ใช่ขาใหญ่ เบื้องต้นตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด เล็งเอาผิดเพิ่ม
วันที่ 6 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขอความเป็นธรรมให้กับพ่อวัย 60 ปี ถูกชายปริศนาทำร้ายร่างกาย โดยอ้างสาเหตุว่าพ่อของตนขับขี่รถจยย.ช้าและขวางทาง ทำให้คู่กรณีไม่พอใจจึงมีการใช้เหล็กทุบตีจนได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้า วันที่ 27 ก.พ. ที่บริเวณถนนประชาอุทิศระหว่างซอย 14 ถึงซอย 16 แขวงราษฎรบูรณะ เขตราษฎรบูรณะ กทม.
ล่าสุดพ.ต.อ.วัชรพล สุวนันทวงศ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนพรหม ธนอาภากร รอง ผกก.สส.สน. ราษฎร์บูรณะและฝ่ายสืบสวนเชิญตัวนายสิร ศรีทรงผล อายุ 41 ปี ทำธุรกิจส่วนตัวประเภทขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ร.ต.วิเชียร รำพึงวรณ์ อายุ 64 ปี มารับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
ภายหลังการสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมง นายสิร เปิดเผยว่า ส่วนตัวได้มีการขอโทษผู้เสียหายไปแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุเพราะความอดทนของตนมีขีดจำกัด ส่วนเรื่องของอาวุธไม่ได้มีการเตรียมการไป แต่หาหยิบจากแถวที่เกิดเหตุ ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการท้าทาย แต่อยากให้ไปถามทางผู้เสียหายเองว่าวันเกิดเหตุพูดอะไรไว้ ส่วนเรื่องที่ระบุว่าตนเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ ตนไม่เคยพูดหรืออ้างตัว มีแต่ฝ่ายผู้เสียหายที่อ้างว่ารู้จักนายพัน ซึ่งต่อจากนี้ตนยืนยันว่าจะไม่หัวร้อนและก่อเหตุแบบนี้อีก
ด้าน ร.ต.วิเชียร กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้ออกจากบ้านพักในซอยประชาอุทิศ 14 เพื่อจะเดินทางไปบ้านลูกสาวเพื่อซื้ออาหารให้กับภรรยาที่ป่วยเป็นโรคไตและพักรักษาอยู่ที่บ้านดังกล่าว ที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ซอย แต่เมื่อออกจากซอยเพื่อจะเลี้ยวขวาก็มีรถคู่กรณีขับขี่มาที่เล่นขวาด้วยความเร็วก่อนที่จะชะลอ ตนจึงเลี้ยวข้ามและพยายามชิดซ้ายแต่ด้วยความกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงขับขี่ช้า ซึ่งคู่กรณีไม่พอใจและมีการเปิดกระจกด่าทอ ทั้งพยามขับไล่ตนจนมาถึงจุดเกิดเหตุ จึงชะลอรถ
คู่กรณีก็มีการปาดและลงมาเริ่มด่าทออีกครั้ง ก่อนที่คู่กรณีจะหยิบอาวุธ เป็นแป๊บเหล็กออกมาจากท้ายรถ ซึ่งตนได้พยายามบอกกับทางคู่กรณีมาโดยตลอดว่าไม่อยากมีเรื่อง แต่คู่กรณีไม่รับฟัง และเริ่มมีการใช้แป๊บเหล็ก ตีที่บริเวณขาด้านซ้ายของตนก่อนหนึ่งครั้งและเริ่มตีตามร่างกายซึ่งตนได้พยามปัดป้อง ก่อนที่จะเสียหลักก้มลงทำให้คู่กรณีใช้แป๊บเหล็กตีที่บริเวณกลางศรีษะทำให้เกิดบาดแผลแตก
ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวตนกลัวเป็นอย่างมาก และไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุใดคู่กรณีจึงก่อเหตุด้วยความรุนแรงแบบนี้ เพราะสาเหตุที่ตนขับช้าไม่ใช่ต้องการที่จะกลั่นแกล้งรถบนถนนแต่เป็นเพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุประกอบกับในพื้นที่มีการจราจรคับคั่งทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังจึงอาจทำให้ดูเหมือนขับช้า
ร.ต.วิเชียร กล่าวอีกว่า ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้เดินทางมาที่บ้านพักของลูกสาวและไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้มีการเย็บบาดแผลให้จำนวนห้าเข็ม และให้ติดตามอาการอีกครั้งตนจึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ไว้เป็นหลักฐานแต่ในขณะนี้ยังไม่ได้ รับการติดต่อจากทางเจ้าของคดีว่าคดีดำเนินการไปถึงขั้นตอนใด
ตนอยากฝากไปถึงทางคู่กรณีว่าอยากให้ใจเย็นกว่านี้และไม่อยากให้ก่อเหตุแบบนี้กับคนอื่นอีก ขณะ ที่ในส่วนของตำรวจก็อยากให้ดำเนินการทางคดีกับทางผู้ก่อเหตุเพื่อให้ได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำไป ขณะเกิดเหตุได้พยามบอกกับทางคู่กรณีไปแล้วว่า ไม่อยากมีเรื่อง หากจะต้องมีการชกต่อยก็ขอชกต่อยเพียงแค่บนเวทีเท่านั้น เพราะสมัยยังรับราชการทหารก็เคยเป็นนักมวยขึ้นเวที
มีรายงานว่า วันนี้พนักงานสอบสวนมีการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหา เบื้องต้นไม่พบว่ามีสารเสพติด จึงมีการสอบปากคำและแจ้งข้อหา ซึ่งต้องรอผลแพทย์จากทางผู้เสียหายอีกครั้งหาก แพทย์มีความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ ก็จะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ แต่หากไม่ได้ก็จะนำผลแพทย์เข้าสำนวนคดีและนัดวันส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลต่อไป