เผยสาเหตุ อาคารย่านพระราม9ถล่ม พังยุบจากชั้น5ถึงชั้น1 เตรียมสั่งระงับก่อสร้าง ประกาศเป็นเขตอันตราย ตรวจสอบแบบ โครงสร้างอาคาร
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 ก.พ.2566 ร.ต.อ.ธนวัฒน์ วิภาโตทัย รอง สว. (สอบสวน) สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุอาคารกำลังก่อสร้างเกิดทรุดตัว ส่งผลให้มีผู้ได้รับอาการบาดเจ็บหลายราย ใกล้เคียงวัดอุทัยธาราม ถนนกำแพงเพชร 7 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.จรินทร์ ลำลึก ผกก.สน.มักกะสัน เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตห้วยขวาง เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้างทาวน์โฮมสูง 5 ชั้น มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ รวม 9 ตึก พบอาคารที่ถล่มเป็นอาคารที่ 4 มีคนงานได้รับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยถูกคานเหล็กหล่นทับ 5 ราย กู้ภัยช่วยกันปฐมพยาบาลก่อนพาส่งรพ.เพชรเวช เบื้องต้นพบว่า คนงานเป็นชาวกัมพูชา มีทั้งหมด130 ราย ไม่พบผู้สูญหายหรือติดค้างภายภายในตัวอาคารแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิตุ พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้เชิญตัวผู้คุมงานไซต์งานก่อสร้างมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจำนวนคนงานทั้ง 130 คน ได้เช็คยอดครบตามจำนวน รวมผู้บาดเจ็บ 5 ราย
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะต้องดำเนินการเรื่องใบขออนุญาตและแบบโครงสร้างเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง โดยเบื้องต้นพบว่ามีใบขออนุมัติในการขอก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่จะต้องดูรายละเอียดความชัดเจนของแบบโครงสร้างอาคารอีกครั้ง
นายธีระยุทธ ภูมิพักตร์ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจบริเวณจุดเกิดเหตุ รวมไปถึงใต้ซากอาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดปกติรวมไปถึงมีสิ่งเคลื่อนไหวแม้แต่อย่างใด อีกทั้งได้ตรวจยอดคนงานก็ครบทุกราย และไม่มีคนงานผู้ใดมาร้องเรียนว่ามีบุคคลสูญหาย
ส่วนสาเหตุที่อาคารถล่มนั้นคาดว่า เกิดจากในระหว่างช่วงเทปูนที่บริเวณชั้นที่ 5 และไม่มีการกระจายปูนออกไปจึงเป็นต้นเหตุอุ้มน้ำหนักเพียงแค่จุดเดียว จนเป็นสาเหตุให้อาคารรับน้ำหนักไม่ไหวจึงยุบพังถล่มลงมาจนถึงชั้นที่ 1 โดยหลังจากนี้ทางสำนักงานเขตจะออกคำสั่งระงับงานก่อสร้าง และประกาศเป็นเขตอันตราย รวมถึงตรวจสอบโครงสร้างอาคารต่อไป
อ่าน : คนงาน130 ชีวิตระทึก อาคารก่อสร้าง ย่านพระราม9 ทรุดตัว เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ