Rolex Oyster Perpetual Datejust เรือนเวลาสุดคลาสสิกที่พร้อมก้าวสู่อนาคตด้วยหน้าปัดดีไซน์สดใหม่สีต่างๆ
บทความ: LuxuoTH
Oyster Perpetual Datejust เป็นนาฬิการะดับไอคอนของวงการนาฬิกานับตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อปี 1945 ในฐานะนาฬิกาข้อมือแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่กันน้ำได้และมีความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์รุ่นแรกของโลกที่มีหน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ในขณะที่นาฬิการุ่นอื่นๆ ในเวลานั้นใช้เข็มชี้ไปที่ตัวเลขวันที่โดยรอบหน้าปัด สำหรับชื่อ Datejust เองนั้นก็มีความหมายตรงที่สื่อให้เห็นว่าตัวเลขวันที่จะเปลี่ยนข้ามไปยังวันถัดไปในเวลาเที่ยงคืนพอดี จากนั้นในปี 1953 จึงมีการเพิ่มเลนส์ไซคล็อปเพื่อขยายวันที่เพื่อให้เจ้าของนาฬิกาสามารถอ่านค่าตัวเลขได้โดยสะดวก
คอลเลคชั่นนาฬิกานี้มีพัฒนาการทางด้านเทคนิคและความงามเรื่อยมา อย่างเช่นในแง่ของประสิทธิภาพนั้นนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust ก็ผ่านการรับรองระดับซูเปอร์เลทีฟโครโนมิเตอร์ตั้งแต่ปี 2015 เมื่อ Rolex กำหนดมาตรฐานดังกล่าวขึ้น นาฬิกาที่จะผ่านการรับรองนี้ได้จะต้องถูกทดสอบภายในห้องทดลองของ Rolex เองหลังจากที่บรรจุเครื่องนาฬิกาลงในตัวเรือนแล้ว เกณฑ์การทดสอบครอบคลุมเรื่องของความเที่ยงตรง การกันน้ำ กำลังลานสำรองและประสิทธิภาพในการขึ้นลาน ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่านาฬิกาที่ผ่านการรับรองระดับซูเปอร์เลทีฟโครโนมิเตอร์จะมีความเที่ยงตรงอยู่ในระดับที่คลาดเคลื่อนไม่เกิน +2/-2 วินาทีต่อวันเท่านั้น และจะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ตราประทับสีเขียวที่บ่งบอกถึงการรับรองมาตรฐานนี้และการรับประกันในระดับนานาชาตินานถึง 5 ปีเต็ม
ส่วนในเรื่องของรูปลักษณ์และความงามนั้น Oyster Perpetual Datejust ก็ยังคงรักษาสไตล์แบบเหนือกาลเวลาไว้ได้เช่นเดิมในขณะที่เพิ่มเติมหน้าปัดใหม่ๆ ด้วยสีสัน พื้นผิวและวัสดุที่แตกต่างไปจากเดิม ทั้งหมดนี้อยู่ในตัวเรือนขนาด 31 มม. ขนาด 36 มม. และขนาด 41 มม. ซึ่ง World of Watches / Luxuo Thailand ก็โชคดีที่ได้เห็นผลงานเหล่านี้หลายรุ่นภายในงาน Watches and Wonders Geneva 2022 เมื่อช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา
รุ่นแรกที่เราขอนำเสนอก็คือ Oyster Perpetual Datejust 31 ซึ่งมาพร้อมกันทั้งหมด 3 เวอร์ชั่นด้วยกัน ทั้งหมดมีหน้าปัดลวดลายดอกไม้ที่เปี่ยมด้วยความสดชื่นดั่งทุ่งดอกไม้ป่าในช่วงฤดูร้อน ดอกไม้ทั้ง 24 ดอกบนหน้าปัดนั้นมีพื้นผิวที่แตกต่างกัน บ้างก็เป็นผิวซันเรย์ บ้างก็เป็นผิวด้าหรือบ้างก็เป็นผิวพ่นทราย แต่ทุกดอกไม้เพชรหนึ่งเม็ดประดับอยู่ตรงกลางเหมือนกันทั้งสิ้น ลวดลายดอกไม้นี้เกิดขึ้นบนหน้าปัดได้ด้วยศักยภาพของ Rolex ในการออกแบบและผลิตหน้าปัดนาฬิกาด้วยตนเอง ในการนี้ Rolex เลือกใช้เลเซอร์แบบเฟมโตเซ็กเกินด์ซึ่งจะยิงกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าแบบสั้นพิเศษลงบนพื้นหน้าปัดจนเกิดเป็นลวดลายขึ้น เลเซอร์นี้ไม่ทำให้เกิดความร้อนและสามารถแกะสลักพื้นหน้าปัดได้อย่างเจาะจงและแม่นยำ และลวดลายดอกไม้ที่เห็นนั้นก็มีความลึกเพียงไม่กี่ไมครอนเท่านั้น
เวอร์ชั่นแรกนั้นจะเป็นไวท์โรเลซอร์ที่มาคู่กับหน้าปัดลายดอกไม้สีน้ำเงินอาซูโร ขอบหน้าปัดแบบร่องผลิตจากไวท์โกลด์ และสายนาฬิกาแบบออยส์เตอร์ เวอร์ชั่นที่สองเป็นเอเวอร์โรสโรเลซอร์ที่มาคู่กับสายนาฬิกาแบบจูบิลี หน้าปัดเป็นสีเงินและขอบหน้าปัดประดับเพชรทรงบริลเลียนท์คัทจำนวน 46 เม็ด และเวอร์ชั่นสุดท้ายเป็นเยลโลว์โกลด์ 18 กะรัตทั้งเรือน ขอบหน้าปัดประดับเพชรทรงบริลเลียนท์คัทจำนวน 46 เม็ดเช่นกัน และมีหน้าปัดลวดลายดอกไม้สีเขียวโอลีฟ สวมใส่ด้วยสายนาฬิกาแบบเพรสซิเดนท์ผลิตจากเยลโลว์โกลด์ 18 กะรัต
นาฬิกา Oyster Perpetual Datejust 31 ใหม่ทั้ง 3 เวอร์ชั่นนี้ทำงานด้วยกลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นคาลิเบอร์ 2236 ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัยของวงการนาฬิกามาตั้งแต่ปี 2014 ด้วยองค์ประกอบอย่างเช่นแฮร์สปริงแบบไซล็อกซีและเอสเคปวีลที่ผลิตจากนิคเกิลฟอสฟอรัสจึงไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของสนามแม่เหล็ก และเครื่องรุ่นนี้อาจจะมีขนาดเล็กก็จริงแต่ก็มีกำลังลานสำรองนานถึงประมาณ 55 ชั่วโมงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็มี Datejust ใหม่อื่นๆ ในขนาด 36 และ 41 มม. ซึ่งมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวมินท์ซึ่งย่อมต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อนาฬิกาที่ต้องการตามเทรนด์ในเวลานี้ ทั้ง 2 ขนาดมีเวอร์ชั่นวัสดุไวท์โรเลซอร์ที่มีขอบหน้าปัดแบบร่องที่ผลิตจากไวท์โกลด์บนตัวเรือนออยส์เตอร์สตีลและสายออยส์เตอร์สตีล สำหรับรุ่น 41 มม. นั้นสวมใส่ด้วยสายนาฬิกาแบบออยส์เตอร์ที่มีข้อสาย 3 ส่วน ในขณะที่รุ่น 36 มม. สวมใส่ด้วยสายนาฬิกาแบบจูบิลีที่มีข้อสาย 5 ส่วน หน้าปัดสีเขียวมินท์ของนาฬิกาทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีพื้นผิวแบบซันเรย์ที่เงางามแผ่กระจายเป็นรัศมีออกจากจุดศูนย์กลางไปยังหลักชั่วโมงที่ผลิตจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต เมื่อเข้าสู่ที่มืดก็จะเห็นการเรืองแสงสีฟ้าที่ยาวนานบนเข็มบอกเวลาและหลักชั่วโมงด้วยสารเรืองแสงโครมาไลท์
และก็ยังมี Oyster Perpetual Datejust ใหม่อีก 4 เวอร์ชั่นในวัสดุไวท์โรเลซอร์และเอเวอร์โรสโรเลซอร์ที่มีหน้าปัดลวดลายแบบร่องซึ่งเป็นลวดลายเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็จะนึกถึง Rolex ทันที
เวอร์ชั่นไวท์โรเลซอร์ 2 รุ่นในขนาด 41 มม. และ 36 มม. นั้นดูร่วมสมัยด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินสด สายนาฬิกาก็จะเหมือนกับเวอร์ชั่นหน้าปัดสีเขียวมินท์ คือ รุ่น 41 มม. สวมใส่ด้วยสายนาฬิกาแบบออยส์เตอร์ที่มีข้อสาย 3 ส่วนและรุ่น 36 มม. สวมใส่ด้วยสายนาฬิกาแบบจูบิลีที่มีข้อสาย 5 ส่วน และเฉพาะรุ่น 36 มม. จะมีประกายแวววาวเป็นพิเศษบริเวณหลักชั่วโมงด้วยการประดับเพชรในเบ้าไวท์โกลด์ 18 กะรัต
สำหรับใครที่ชอบสีแห่งความอบอุ่นก็มี Oyster Perpetual Datejust เวอร์ชั่นเอเวอร์โรสโรเลซอร์ให้เลือกซื้อ โดยที่เอเวอร์โรสโกลด์นั้นเป็นอัลลอยพิงค์โกลด์สูตรพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ Rolex ที่ทางแบรนด์นำมาใช้ผลิตขอบหน้าปัดแบบร่องและข้อกลางของสายนาฬิกาแบบออยส์เตอร์ (ในรุ่น 41 มม.) และสายนาฬิกาแบบจูบิลี (ในรุ่น 36 มม.) นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นนี้มีหน้าปัดสีเทาเข้มซึ่งเป็นอมตะเหนือกาลเวลา จะผ่านไปกี่ทศวรรษก็ไม่เบื่ออย่างแน่นอน
นาฬิกา Oyster Perpetual Datejust 41 และ Oyster Perpetual Datejust 36 ทุกรุ่นที่นำเสนอข้างต้นนี้ทำงานด้วยกลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นเดียวกัน นั่นก็คือเครื่องคาลิเบอร์ 3235 ซึ่งมีเอสเคปเมนท์แบบโครเนอร์จี แฮร์สปริงแบบพาราโครม ชุดป้องกันแรงสั่นสะเทือนแบบพาราเฟล็กซ์ และมีกำลังลานสำรองนานประมาณ 70 ชั่วโมง ตัวเรือนแบบออยส์เตอร์มีเม็ดมะยมแบบทวินล็อคและมีฝาหลังแบบขันเกลียวจึงสามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 100 เมตร ไม่เพียงเท่านั้น Rolex ยังเลือกใช้บานพับออยส์เตอร์แคลสป์กับสายนาฬิกาแบบออยส์เตอร์และสายนาฬิกาแบบจูบิลีซึ่งบานพับนี้มีข้อขยายอีซีลิงค์เพื่อให้เจ้าของนาฬิกาปรับความยาวสายเพิ่มขึ้น 5 มม. เพื่อความสบายได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วยแต่อย่างใด
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา Rolex ที่ www.srichaiwatch.com
บทความที่เกี่ยวข้อง: Rolex World Service Keeps Your Watch Running for a Lifetime
The epitome of the classic watch, the Oyster Perpetual Datejust continues to evolve with new dials that are bursting with fresh energy.
Words: LuxuoTH
The Oyster Perpetual Datejust is a watchmaking icon. When it was launched in 1945, it was the first self-winding waterproof chronometer wristwatch to display the date in a window at the three o’clock position, instead of using a hand that points to the date on the edge of a dial. Furthermore, the name Datejust itself references the fact that the date change takes place instantaneously at midnight. This was already before the enhanced practicality of the Cyclops lens was added to the crystal in 1953 to help magnify the date for easy reading.
This pioneering collection has since advanced remarkably in both technical performance and aesthetics. Performance-wise, the Oyster Perpetual Datejust is Superlative Chronometer certified since 2015 when that new standard was established by Rolex. A series of tests are conducted internally at Rolex on fully assembled watches to verify their precision, waterproofness, power reserve and self-winding efficiency. This ensures that Superlative Chronometer timepieces perform within the deviation tolerance of +2/-2 seconds per day. As such, they are symbolized by the green seal and the confidence of an international 5-year guarantee.
In terms of aesthetics, the Oyster Perpetual Datejust retains its timeless style yet offers a large selection of dials in different colours, finishes and materials, in case sizes 31 mm, 36 mm, and 41 mm. World of Watches / Luxuo Thailand was at Watches and Wonders Geneva 2022 and had the good fortune of viewing some of the new dials launched this year in person.
We propose, first of all, a detailed look at the new Oyster Perpetual Datejust 31. These three new versions of the Datejust 31 are bursting with fresh energy with their striking floral-motif dials. Calling to mind wild summer meadows, the design comprises 24 flowers that stand out distinctly from one another thanks to their finishes – either sunray, matt or grained. Each of the flowers is lit from within by a diamond set into the centre. This achievement is made possible thanks to the manufacture’s ability to design and produce intricate dials in-house. To create these motifs, Rolex uses the femtosecond laser which uses ultrashort electromagnetic pulses to finely mark the surface. It produces no heat, etches the surface of the dial very precisely and selectively, to produce patterns only a few microns deep to create the motifs with extreme precision.
The first version in white Rolesor features an azzurro blue floral motif dial with a fluted white gold bezel and an Oyster bracelet. For the Everose Rolesor version on a Jubilee bracelet, the dial is in silver, featuring a bezel in the same material set with 46 brilliant-cut diamonds. In full 18 ct yellow gold, the third version in this collection also shines with 46 brilliant-cut diamonds on the bezel, featuring an olive green floral motif dial, and fitted with an 18 ct yellow gold President bracelet.
These new versions of the Oyster Perpetual Datejust 31 are powered by the self-winding calibre 2236 – a movement at the forefront of watchmaking technology since 2014 with innovations such as the Syloxi hairspring and the paramagnetic nickel-phosphorus escape wheel. The power reserve on this movement is approximately 55 hours despite its small size.
Green watch dials remain hugely popular with watch enthusiasts. Under the same classic Datejust line, two new models in 36 mm and 41 mm with mint green dial have been introduced. Both models are in white Rolesor with a fluted white gold bezel on an Oystersteel case and bracelet. In the 41 mm version, the watch is presented on an Oyster three-piece bracelet; while the 36 mm version is presented on a Jubilee five-piece bracelet. On the mint green dial, sunray finish is applied on the glossy canvas, radiating out to the hour markers in 18 ct white gold. An added practicality of this dial emerges once in the dark – a long-lasting blue glow on the hands and the hour markers ensure legibility of time-reading, thanks to the application of the Chromalight luminescent material.
The emblematic fluted motif finds its way to the dials of four other Oyster Perpetual Datejust models, in white Rolesor and Everose Rolesor.
Two versions in white Rolesor, 41 mm and 36 mm, possess a uniquely contemporary flair with the bright blue dial. In the same configuration as the models with mint green dials, the 41 mm model is presented on an Oyster three-piece bracelet while the 36 mm version is presented on a Jubilee five-piece bracelet. Adding a touch of sparkle, solid luminescent hour markers are replaced with diamonds in 18 ct white gold settings on the 36 mm version.
For an extra touch of warmth, there is the Everose Rolesor version of the Oyster Perpetual Datejust. Everose gold, Rolex-patented pink gold alloy, is used to craft the fluted bezel and the center links of the Oyster bracelet (in 41 mm size) or the Jubilee bracelet (in 36 mm size). Featuring a slate dial, these two timepieces are distinctive and timeless with the look that you will cherish for decades to come.
All of the Oyster Perpetual Datejust 41 and Oyster Perpetual Datejust 36 featured above are powered by the same self-winding calibre 3235 with Chronergy escapement, Parachrom hairspring, Paraflex shock absorbers and approximately 70 hours of power reserve. The Twinlock winding crown and screw-down caseback of the Oyster case ensure waterproofness to the depth of 100 meters. Additionally, Rolex has equipped both Oyster and Jubilee bracelets with the folding Oysterclasp with Easylink comfort extension link that allows for 5 mm of bracelet length adjustment without the use of any tools, providing the ultimate convenience to its wearers.
For more information about Rolex timepieces, please visit www.srichaiwatch.com.
See also: Rolex World Service Keeps Your Watch Running for a Lifetime