Ulysse Nardin พาคนรักนาฬิกาออกไปท่องอวกาศด้วยเรือนเวลาสุดล้ำ Freak X Aventurine
บทความ: รักดี โชติจินดา
ปีนี้ Ulysse Nardin ปล่อยของตัวแรงเป็นชุดใหญ่ 3 รุ่นตั้งแต่ต้นปีที่งาน Watches and Wonders Geneva ภายใต้ธีม Vertical Odyssey ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของการเดินทางในจินตนาการจากเบื้องลึกของท้องทะเลไปสู่อวกาศอันไกลโพ้น เรือนแรกที่เราเขียนถึงตั้งแต่ตอนช่วงงานเลยก็คือ Blast Moonstruck และเมื่อไม่นานมานี้เราก็มีโอกาสได้ถ่ายวีดีโออันบ็อกซ์เรือนจริงของ Freak S ดังนั้นเราจึงตัดสินใจเขียนถึงนาฬิการุ่นสุดท้ายในชุดนี้ด้วยก็แล้วกันเพื่อความครบถ้วนก่อนที่ปีใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
Freak X Aventurine อาจจะเป็นนาฬิกาที่ดูตรงไปตรงมาที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 รุ่นข้างต้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Freak X Aventurine เป็นนาฬิกาที่ไม่ซับซ้อน นาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่น 99 เรือนชุดนี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ของ Freak X จากปี ค.ศ. 2019 ตัวเรือนขนาด 43 มม. มีโครงสร้างที่ผลิตจากไทเทเนียมเคลือบพีวีดีเป็นสีน้ำเงินประกอบกับโรสโกลด์ แผ่นเพลทหน้าเครื่องของนาฬิการุ่นนี้เป็นแก้วอเวนจูรีนสีน้ำเงินที่มีประกายวิบวับราวกับดาวในกาแล็กซี หรือหากจะผูกกับประวัติการผลิตนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์เพื่อการเดินเรือก็สามารถมองให้เป็นแสงสะท้อนจากเกลียวคลื่นในทะเลยามค่ำคืนก็ได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะมองในแง่ใด แก้วอเวนจูรีนนี้ก็มีความชวนฝันอยู่เต็มเปี่ยมแบบไม่เสื่อมคลาย
พูดถึงเรื่องการตกแต่งไปเยอะแล้วก็ต้องพูดถึงเรื่องเครื่องซึ่งเป็นจุดสนใจหลักที่ทำให้คนรักนาฬิกาสักคนหนึ่งเกิดความสนใจใน Freak X ตั้งแต่แรก นาฬิการุ่นนี้สืบทอดคอนเซปท์จาก Freak รุ่นแรกของ Ulysse Nardin เมื่อปี ค.ศ. 2001 มาโดยตรง นาฬิกา Freak โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีหน้าปัด และจะมีเครื่องนาฬิกาเป็นแท่งยาวอยู่ด้านบน โดยเครื่องนาฬิกานี้จะหมุนครบรอบในเวลา 1 ชั่วโมงจึงทำหน้าที่เป็นเข็มนาทีไปในตัว บริเวณด้านตรงข้ามกับปลายเข็มของเครื่อนาฬิกาที่ว่านี้มีบาลานซ์วีลขนาดใหญ่ แต่ว่ามีน้ำหนักเบาเพราะว่าผลิตจากซิลิเซียมและแกว่งที่ความถี่ 3 เฮิร์ตซ์ ถัดลงไปด้านล่างมีจานหมุนที่มีปลายเข็มชั่วโมงอยู่เพื่อการบอกเวลาอย่างชัดเจน การตั้งเวลานาฬิกา Freak X รุ่นนี้สามารถทำได้เหมือนนาฬิกาปกติด้วยการใช้เม็ดมะยมที่อยู่ทางด้านขวาของตัวเรือน กำลังลานสำรองก็เหลือเฟือ 72 ชั่วโมง
สำหรับใครที่เคยเห็น Freak X มาก่อนแล้วและรู้สึกว่าสนใจแต่ยังต้องการเหตุผลอะไรเพิ่มเติมอีกนิดก่อนที่จะซื้อ Freak X Aventurine รุ่นนี้อาจเป็นนาฬิกาที่คุณรอคอยอยู่ก็ได้ หากคุณผู้อ่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา Ulysse Nardin โปรดติดต่อ PMT The Hour Glass ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยได้โดยตรง สาขาสยามพารากอน 02-129-4774 และสาขาเกษรวิลเลจ 02-656-1212
บทความที่เกี่ยวข้อง: Ulysse Nardin Rainbow Collection is a Meteor Shower of Color
The limited edition of 99 units is a part of the Vertical Odyssey theme of high-flying watches.
Words: Ruckdee Chotjinda
Ulysse Nardin made sure everyone talked about them earlier in the year at Watches and Wonders Geneva with three impressive timepieces under the Vertical Odyssey theme of an imaginary journey from the abysses to the cosmos. We have covered right away the Blast Moonstruck and more recently the Freak S. So before the year ends, we decide to cover the third creation as well for good measure.
The Freak X Aventurine is the easiest to understand watch of the trio, but that is not to say that it is not complex. This limited edition of 99 pieces is a stylistic variation of the famed Freak X of 2019. This time, the 43 mm case is composed of blue PVD titanium and rose gold case, and aventurine is used as the material for the movement plate. The choice is a fitting one because the random sparkles in the dark blue glass evoke the thoughts of a starry night sky. Conversely, should one want to make a link with the maritime heritage of Ulysse Nardin, the resulting effect can be viewed as the glitters on the surface of the ocean at night. Aventurine glass has that dreamy effect regardless of how it is used.
Despite the attention given to the aesthetic execution, the Freak X is a watch a connoisseur would purchase for the movement first of all – it is the direct descendant of the Ulysse Nardin Freak watch from 2001. On this watch without a dial, the oblong movement is clearly visible from the front. This UN-230 caliber acts as a carousel that completes one revolution in an hour, making it possible for the movement to serve as the minute hand as well. This is counterbalanced by the extra large yet super light silicium balance wheel which oscillates to the leisurely 3-Hz cadence. Sitting right below it is another disc carrying what constitutes the tip of hour hand for functional time-telling. Setting the time is a breeze with the crown can the right side of the case. The power reserve on this self-winding movement is a generous 72 hours.
If you have seen the Freak X previously and felt that you needed a bit more reason to purchase, this new aventurine touch may be just what you were hoping for. For more information on Ulysse Nardin, please contact PMT The Hour Glass, the authorised retailer in Thailand. Call 02-129-4774 for Siam Paragon and 02-656-1212 for Gaysorn Village.
See also: Ulysse Nardin Rainbow Collection is a Meteor Shower of Color